ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแห่ขึ้นทะเบียนเบ็ดเสร็จ2.4หมื่นราย-ประมงเตือนใครฝ่าฝืนมีโทษ

 

 

นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่าสืบเนื่องจากการที่กรมประมงได้ออกประกาศให้ ผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ก่อนวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2558 มายื่นคำขอรับใบอนุญาตทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน (เบื้องต้น) ในระหว่างวันที่ 27 เมษายน ถึง 11 พฤษภาคม 2559 นั้น

 

ทั้งนี้ปรากฏว่า มีเกษตรกรมายื่นคำขอรับ ใบอนุญาตรวมทั้งสิ้น 24,603 ราย โดยเป็นผู้เพาะเลี้ยงปลาในกระชัง 17,594 ราย ทั้งในเขตน้ำจืดและเขตทะเลชายฝั่ง และเป็นผู้เลี้ยงหอยจำนวน 7,009 ราย ซึ่งกรมประมงขอขอบคุณผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ให้ความร่วมมือในการยื่นคำขอรับใบอนุญาต ภายในกำหนดเวลาที่ประกาศ โดยผู้ที่มายื่นคำขอรับใบอนุญาตดังกล่าวจะได้รับใบรับคำขออนุญาตที่สามารถใช้เป็นหลักฐานการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำสาธารณสมบัติ จนกว่าจะได้รับ ใบอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ หรือได้รับคำสั่งไม่อนุญาต

 

ทั้งนี้ คำขอรับใบอนุญาตที่ยื่นมาทั้งหมด กรมประมง จะนำมาเป็นฐานข้อมูลในการดำเนินการร่วมกับคณะกรรมการประมงประจำจังหวัด เพื่อประกอบการพิจารณากำหนดพื้นที่ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอนุญาตตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดต่อไป และเมื่อมีการกำหนดพื้นที่และแนวทางสำหรับการขอรับใบอนุญาตและการพิจารณาอนุญาตแล้ว กรมประมง จะประกาศให้มายื่นคำขอรับ ใบอนุญาตตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายกำหนดต่อไป ซึ่งจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง

 

ส่วนผู้ที่ไม่ได้มายื่นคำขอรับใบอนุญาตภายในกำหนดวันที่ 11 พฤษภาคม จะไม่สามารถทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำสาธารณสมบัติได้ หากฝ่าฝืนถือว่าเป็นการเพาะเลี้ยงโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท และปรับวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดระยะเวลาที่มีการฝ่าฝืน รวมทั้งต้องดำเนินการฟื้นฟู หรือชำระค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูที่จับสัตว์น้ำหรือสภาพสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผล กระทบจากการดำเนินการให้กลับสู่สภาพตามธรรมชาติ

 

อธิบดีกรมประมง ย้ำด้วยว่า ใบรับคำขอ ใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน (เบื้องต้น) นี้ ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ยื่นคำขอได้รับการอนุญาตตามกฎหมายแล้ว ซึ่งการอนุญาตต่อไปนั้นเจ้าหน้าที่จะพิจารณาถึงความเหมาะสมของพื้นที่ จำนวนการเลี้ยง และต้องเป็นพื้นที่ซึ่งคณะกรรมการประมงประจำจังหวัด พิจารณาแล้วว่าเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสม ตามชนิด ประเภท รูปแบบ หรือวัตถุประสงค์ของกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำนั้น หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักงานประมงจังหวัดในพื้นที่ทั่วประเทศ

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า