กระทรวงเกษตรฯ ออกประกาศใหม่ เข้มข้น บังคับใช้ “ปิดอ่าวไทย” 15 ก.พ. – 15 พ.ค. นี้ หวังฟื้นคืนความสมบูรณ์ปลาทูทะเล

 

ก่อนประกาศปิดอ่าวไทย 15 กุมภาพันธ์ – 15 พฤษภาคม ประจำปี 2560 ประจวบฯ ชุมพร สุราษฎร์ฯ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกประกาศ จำนวน 2 ฉบับ  ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 เพื่อปรับปรุงมาตรการที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มข้นขึ้นจากเดิม โดยห้ามอวนติดตาจับปลาทูตลอดช่วงมาตรการปิดอ่าว 3 เดือน และหลังสิ้นสุดมาตรการ 45 วัน ห้ามเรือปั่นไฟประกอบอวนล้อมจับ อวนครอบ อวนช้อนหรืออวนยกปลากะตัก เข้าทำประมงในเขตระยะ 7 ไมล์ทะเล และพิจารณาหาแหล่งเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยช่วยชาวประมง พร้อมกำชับกรมประมงเร่งศึกษาข้อมูลวิชาการให้เสร็จภายใน 1 ปี เพื่อนำมากำหนดมาตรการอีกครั้ง  หลังพบประชากรปลาทูในทะเลไทยลดจำนวนลงจนเข้าขั้นวิกฤติ

 

นายอดิศร  พร้อมเทพ  อธิบดีกรมประมง  เปิดเผยว่า จากสถิติการตรวจสอบเก็บข้อมูลทางวิชาการ จำนวน และความหลากหลายของชนิดพันธุ์ของสัตว์น้ำที่นำขึ้นท่าในหลายปีที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีสัตว์น้ำในกลุ่มปลาทูลดจำนวนลงอย่างมากเมื่อเทียบจากในอดีต ประกอบกับจากการติดตามสภาวะทรัพยากรสัตว์น้ำในแต่ละปีหลังจากมาตรการปิดอ่าว พบว่าลูกพันธุ์สัตว์น้ำที่เกิดขึ้นในช่วงมาตรการและอาศัยอยู่ในแนวชายฝั่งถูกจับขึ้นมาจำนวนมาก ซี่งมาจากด้วยเหตุปัจจัยหลายด้าน ทั้งความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อม  ความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะระยะหลังมานี้พบว่ามีเรือประมงที่ใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงเข้ามาทำการประมงในพื้นที่ ล้วนแล้วแต่เป็นต้นเหตุให้ของการหมดไปของประชากรปลาทูทั้งสิ้น

 

ดังนั้น กรมประมงในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลรักษาและฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ จึงได้ประชุมหารือผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและชาวประมง เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และเห็นพ้องต้องกันว่าเพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูทรัพยากรปลาทู จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงวันที่ 24 มกราคม 2550 บางข้อ เพื่อเป็นการสงวนพ่อ-แม่พันธุ์สัตว์น้ำให้สามารถแพร่พันธุ์ต่อไปได้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 71 (1) แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ออกประกาศ ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 จำนวน 2 ฉบับ ซึ่งมีข้อกำหนด ดังต่อไปนี้

 

 

ทั้งนี้ หากพบผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษ 

 

  1. ปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงห้าหมื่นบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า 
  2. ใช้เรือขนาดตั้งแต่สิบตันกรอสขึ้นไปแต่ไม่ถึงยี่สิบตันกรอสต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาท  ถึงหนึ่งแสนบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า 
  3. ใช้เรือขนาดตั้งแต่ยี่สิบตันกรอสขึ้นไปแต่ไม่ถึงหกสิบตันกรอสต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงห้าแสนบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า 
  4. ใช้เรือตั้งแต่ขนาดหกสิบตันกรอสขึ้นไปแต่ไม่ถึงหนึ่งร้อยห้าสิบตันกรอส ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดสูงกว่า 
  5. ใช้เรือขนาดตั้งแต่หนึ่งร้อยห้าสิบตันกรอสขึ้นไป ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าล้านบาทถึงสามสิบล้านบาทหรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดสูงกว่าและต้องรับโทษตามมาตรการทางปกครอง ดังนี้ 
    • ยึดสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมงนั้นหรือเครื่องมือทำการประมง
    • ห้ามทำการประมงจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
    • สั่งพักใช้ใบอนุญาตมีกำหนดครั้งละไม่เกินเก้าสิบวัน โดยจะสั่งห้ามมิให้ใช้เรือประมงนั้นจนกว่าจะสิ้นระยะเวลาการพักใช้ใบอนุญาตด้วยก็ได้
    • เพิกถอนใบอนุญาต และประกาศให้เรือประมงนั้นเป็นเรือที่ใช้ทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
    • กักเรือประมงหรือสั่งให้วางประกัน ในกรณีเรือประมงที่กระทำความผิดเป็นเรือประมงที่มิใช่เรือประมงไทย

 

อย่างไรก็ตามประกาศกระทรวงเกษตรฯ ปี 2560 จะมีผลบังคับใช้เฉพาะในมาตรการปิดอ่าวไทยรอบปี 2560 เท่านั้น เพื่อที่จะทดลองศึกษาหาแนวทางที่เหมาะสมต่อไป ซึ่งในระหว่างนี้ กรมประมงจะศึกษาข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับปลาทูให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปี  โดยในส่วนของชาวประมงผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและต้องการปรับเปลี่ยนเครื่องมือจะมีการพิจารณาแหล่งเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย ให้กู้รายละไม่เกิน 100,000 บาท และให้ชาวประมงผ่อนชำระเงินกู้ไม่เกินสามงวดชำระหนี้โดยมีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 1 ปี

 

ดังนั้น จึงขอความร่วมมือพี่น้องชาวประมง โปรดปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเครั่งครัด และคอยเป็นหูเป็นตาช่วยเจ้าหน้าที่ในการเฝ้าระวังการทำประมงผิดกฎหมายเพื่อช่วยกันฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำในท้องทะเลไทยให้มีใช้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ กรมประมงได้กำหนดจัดพิธีประกาศปิดอ่าวฝั่งทะเลอ่าวไทย ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2560 ณ ท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลปากน้ำชุมพร ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร จึงขอเชิญชวนประชาชนในพื้นที่ทุกท่านไปร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีดังกล่าว  “งดจับปลาฤดูมีไข่ อนุรักษ์ไว้ใช้อย่างยั่งยืน”... อธิบดีกรมประมง กล่าว

 

แหล่งที่มา fisheries.go.th