แก้ IUU ก้าวหน้า 5 ด้านรับประเมินอียู
- Details
- Created on Tuesday, 19 January 2016 02:37
ไทยโพสต์ * พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความพร้อมสำหรับการตรวจสอบความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎ หมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู) ของคณะกรรมการด้านการประมงแห่งสหภาพยุโรป (อียู) ที่จะเดินทาง มาตรวจเพิ่มเติมและลงพื้นที่ ระหว่าง 18-21 ม.ค.นั้น โดยการ แก้ไขปัญหามีความก้าวหน้าเป็น รูปธรรม 5 ด้าน ได้แก่
1.การ ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย รัฐบาลได้ออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) และกฎหมายลูก เป็นหลักในการบังคับใช้ รวมทั้งให้ความรู้ประชาชนผ่าน 28 ศูนย์ และออกคู่มือการทำประมงอย่างถูกต้อง
2.การแก้ไขเรื่องระบบควบคุมติดตาม ได้แก่ วางระบบตรวจสอบมาตรฐาน (MCS) ควบคุม ติดตาม เฝ้าระวังเรือในทะเลทั้งระบบ โดยให้เรือติดตั้ง VMS เริ่มจากเรือที่มีขนาด 60 ตันกรอสขึ้นไป และจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับ โดยวางระบบ E-License พร้อมใช้งาน 30 มี.ค.นี้
3.การแก้ปัญหาเรื่องการบังคับใช้กฎ หมาย มีชุดบูรณาการพิเศษเพื่อตรวจและบังคับใช้กฎหมาย โดยเน้นเรือขนาด 60 ตันกรอสขึ้นไป ทั้งในและนอกน่านน้ำ และคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบร่างกฎกระทรวงห้ามลูกจ้างอายุต่ำกว่า 18 ปี ทำงานในโรงงาน แปรรูปสัตว์น้ำเบื้องต้น และสถานที่ประ กอบกิจการแปรรูปสัตว์น้ำ และร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีค้ามนุษย์
4.ความร่วมมือระหว่างประ เทศ ดำเนินงาน 2 เรื่องหลักคือ แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องการเข้ามาทำงานในไทย เช่น กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา และความร่วมมือกับประเทศหมู่เกาะเพื่อพัฒนาการทำประมง เช่น ฟิจิ ปาปัวนิวกินี โซโลมอน เป็นต้น
5.การช่วยเหลือชาวประมงและแรงงานประมง สำหรับชาวประมงที่ต้องเปลี่ยนอาชีพหรือออกจากระบบ พร้อมทั้งช่วยเหลือชาวประมงพื้นบ้านด้วยการออกประกาศแบ่งเขตการทำประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์
วันเดียวกัน กลุ่มประมงพื้นบ้านในหลายจังหวัดได้รวมตัวกันเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกมาตรา 34 ของ พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.2558 ที่กำหนดห้ามชาวประมงพื้นบ้านออกไปทำการประมงในเขตทะเลนอกชายฝั่ง ซึ่งสร้างผล กระทบและความเดือดร้อนต่อชาวประมงขนาดเล็กของประเทศไทย หรือเรือประมงขนาดระวางต่ำกว่า 10 ตันกรอส ไม่สามารถออกทำการประมงได้ตามปกติ อาทิ กลุ่มประมงพื้นบ้านจังหวัดตราด, ชาวประมงพื้นบ้านชายฝั่งทะเลจังหวัดกระบี่, ชาวประมงอวนล้อมจับจังหวัดปัตตานี, เครือข่ายประมงพื้นบ้านจังหวัดชลบุรี.
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์